TCAS หรือ Thai University Central Admission System คือระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทย ติวสอบเข้ามหาลัยซึ่งเริ่มนำมาใช้แทนระบบแอดมิชชั่นเดิมตั้งแต่ปีการศึกษา 2561 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้นักเรียนสามารถวางแผนการเข้ามหาวิทยาลัยได้ง่ายขึ้น ติวสอบเข้ามหาลัยลดความซ้ำซ้อนในการสมัครสอบ และลดความเครียดของนักเรียนในการต้องสอบหลายรอบ ระบบ TCAS ถูกออกแบบมาให้มีหลายรอบการคัดเลือก
เพื่อให้นักเรียนมีโอกาสในการเลือกเข้าศึกษาต่อในสถาบันที่ตนเองต้องการตามความสามารถและความถนัดที่แตกต่างกัน โดยที่แต่ละรอบก็จะมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง เช่น รอบแฟ้มสะสมผลงาน (Portfolio) รอบโควตา ติวสอบเข้ามหาลัยรอบสอบกลาง (Admission) และรอบรับตรงอิสระของแต่ละมหาวิทยาลัยระบบ TCAS ประกอบด้วยหลายรอบด้วยกัน ซึ่งเปิดโอกาสให้นักเรียนสามารถสมัครได้หลายรอบหากยังไม่ติดในรอบแรกๆ
การเตรียมตัวสำหรับการสอบสัมภาษณ์ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละรอบก็จะมีกฎเกณฑ์เฉพาะ เช่น หากสอบติดในรอบใดรอบหนึ่งแล้วกดยืนยันสิทธิ์ ก็จะไม่สามารถสมัครในรอบถัดไปได้อีก ติวสอบเข้ามหาลัยซึ่งจุดนี้เป็นสิ่งสำคัญที่นักเรียนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนจะกดยืนยันสิทธิ์เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในรอบที่ตนเองต้องการจริงๆในยุค TCAS ติวสอบเข้ามหาลัยระบบการสอบกลางถือว่ามีบทบาทสำคัญมาก โดยเฉพาะการสอบ GAT (General Aptitude Test) และ PAT (Professional and Academic Aptitude Test) รวมถึงวิชาสามัญ และวิชาเฉพาะทางต่างๆ ซึ่งล้วนมีผลต่อการคัดเลือกในรอบ Admission และรอบอื่นๆ โดยในช่วงหลังมีการเปลี่ยนแปลงข้อสอบและเกณฑ์บางอย่าง เช่น การลดจำนวนวิชา การปรับรูปแบบข้อสอบให้เน้นวิเคราะห์มากขึ้น
และมีการใช้ระบบดิจิทัลมากขึ้น ติวสอบเข้ามหาลัยซึ่งนักเรียนจะต้องตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลสำคัญแผนการเตรียมตัวสอบเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยในระบบ TCAS จึงจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นและวางแผนล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ โดยควรเริ่มจากการสำรวจความสนใจของตนเองว่าอยากเรียนสาขาอะไร สถาบันไหนเปิดสอนบ้าง และในแต่ละปีสถาบันนั้นใช้เกณฑ์อะไรบ้างในการรับเข้า เช่น ใช้คะแนนสอบวิชาอะไรบ้าง ต้องมีผลงานแฟ้มหรือไม่ ติวสอบเข้ามหาลัยมีการสอบสัมภาษณ์หรือไม่ เมื่อทราบข้อมูลเหล่านี้แล้วจึงค่อยเริ่มวางแผนการอ่านหนังสือและสมัครสอบตามลำดับ
การสร้างแฟ้มที่ดีต้องเริ่มเก็บสะสมผลงานตั้งแต่ช่วงต้นม.ปลาย
การเตรียมตัวควรเริ่มตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หรืออย่างช้าที่สุดคือชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เพราะเนื้อหาที่ใช้สอบในวิชา GAT/PAT หรือวิชาสามัญต่างๆ มักจะครอบคลุมเนื้อหาตั้งแต่ม.4 ถึงม.6 ดังนั้นการวางแผนอ่านหนังสือล่วงหน้าจะช่วยลดความเครียดในช่วงปีสุดท้าย ติวสอบเข้ามหาลัยและทำให้สามารถทบทวนซ้ำได้หลายรอบอย่างมีประสิทธิภาพ การติวเข้มเฉพาะทาง เช่น ติวสอบแพทย์ วิศวะ นิเทศน์ หรือศิลปกรรมศาสตร์ ก็ควรเริ่มในช่วงม.5 ปลายๆ ถึงต้นม.6 เพื่อให้มีเวลาฝึกฝน
ทำข้อสอบเก่า วิเคราะห์แนวข้อสอบ คอร์สติวสอบเข้ามหาลัยและปรับพื้นฐานในจุดที่ยังอ่อนการจัดตารางเวลาอ่านหนังสือควรแยกเป็นรายวิชา โดยเฉพาะในวิชาที่จะใช้ยื่นคะแนน ซึ่งอาจรวมถึง GAT ความถนัดทั่วไป PAT ที่เฉพาะทางตามคณะที่เลือก เช่น PAT1 คณิตศาสตร์สำหรับสายวิทย์-วิศวะ PAT2 วิทยาศาสตร์ PAT3 วิศวกรรมศาสตร์ หรือ PAT5 ความถนัดทางครู
